การตลาดผ่าน SMS กับ Email Marketing ต่างก็เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในแวดวงธุรกิจ ทั้งสองมีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของธุรกิจว่าต้องการเน้นความรวดเร็ว ความคุ้มค่า หรือการสื่อสารที่ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น มาดูกันว่าทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร และเมื่อใดที่การเลือกใช้แต่ละแบบจะเหมาะสม

ข้อดี SMS Marketing

1. อัตราการเปิดอ่านสูง (Open Rate) SMS มีอัตราการเปิดอ่านสูงถึง 98% และส่วนใหญ่จะถูกเปิดภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่ส่งข้อความ ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการส่งข้อความที่ต้องการการตอบสนองแบบเร่งด่วน เช่น โปรโมชั่นจำกัดเวลา หรือการแจ้งเตือนสำคัญ
2. การเข้าถึงที่รวดเร็ว ข้อความ SMS ส่งถึงผู้รับโดยตรงผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทุกคนมักพกติดตัวอยู่เสมอ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อความจะถูกเปิดอ่านเร็ว และทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่จำกัด
3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทุกคนที่มีโทรศัพท์มือถือสามารถรับข้อความ SMS ได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำหรือไม่ การตลาดผ่าน SMS จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างกว่าเมื่อเทียบกับอีเมล์
4. ไม่ต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต SMS ไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อดีในการส่งข้อมูลไปยังลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต หรือไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
5. กระชับและตรงประเด็น เนื่องจาก SMS มีข้อจำกัดในจำนวนตัวอักษร ทำให้เนื้อหาของข้อความกระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น ธุรกิจจะต้องสื่อสารข้อมูลสำคัญโดยตรงโดยไม่ต้องใช้ข้อความยาวๆ

ข้อเสีย SMS Marketing

1. ข้อจำกัดในเนื้อหา ข้อความ SMS มักจำกัดที่ 160 ตัวอักษร ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลเชิงลึกหรือรายละเอียดที่ซับซ้อนได้ ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับการส่งข่าวสารหรือนำเสนอเนื้อหาที่ยาวและละเอียด
2. การปรับแต่งน้อย แม้ว่า SMS จะสามารถปรับแต่งชื่อหรือข้อมูลบางส่วนของลูกค้าได้ แต่ยังมีข้อจำกัดมากกว่าอีเมลในการปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับลูกค้าแต่ละคน
3. ต้นทุนสูงกว่าเมื่อเทียบกับจำนวนข้อความที่ส่ง การส่ง SMS มักมีต้นทุนต่อข้อความที่สูงกว่าอีเมล โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องการส่งข้อความจำนวนมากในครั้งเดียว

ข้อดี Email Marketing

1. การนำเสนอเนื้อหาได้มากกว่าและหลากหลายกว่า อีเมลสามารถส่งข้อความยาว รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ รูปภาพ วิดีโอ และลิงก์เพิ่มเติมได้ ทำให้การสื่อสารผ่านอีเมลเหมาะกับการให้ข้อมูลที่ลึกซึ้ง การอธิบายโปรโมชั่นที่ซับซ้อน หรือการนำเสนอเนื้อหาที่มีภาพประกอบและสื่ออื่นๆ
2. การปรับแต่งเนื้อหาได้มากกว่า Email Marketing สามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับลูกค้าแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใส่ชื่อ การเสนอโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล หรือการสร้างเนื้อหาที่แตกต่างกันสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละประเภท สิ่งเหล่านี้ทำให้การสื่อสารมีความเฉพาะตัวมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการตอบสนอง
3. มีการติดตามผลที่ละเอียดกว่า อีเมลสามารถติดตามการกระทำของผู้รับได้ละเอียด เช่น การเปิดอีเมล การคลิกลิงก์ และการตอบสนองต่อแคมเปญต่างๆ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ
4. ต้นทุนต่ำในการส่งอีเมลจำนวนมาก การส่งอีเมลสามารถทำได้ในปริมาณมากโดยมีต้นทุนที่ต่ำ โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต้องการส่งอีเมลถึงลูกค้าจำนวนหลายพันหรือหลายแสนคนในเวลาเดียวกัน
5. การจัดเก็บข้อมูลได้ดี อีเมลสามารถเก็บข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไว้ในกล่องจดหมายได้ ซึ่งลูกค้าสามารถกลับมาเปิดอ่านในภายหลังได้ ต่างจาก SMS ที่เมื่อปิดการแจ้งเตือนแล้วข้อความอาจถูกลืมไป

ข้อเสีย Email Marketing

1. อัตราการเปิดอ่านต่ำกว่า อัตราการเปิดอ่านอีเมลมักต่ำกว่า SMS อยู่ที่ประมาณ 20-25% โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของฐานข้อมูลลูกค้าและเนื้อหาของอีเมล อีเมลจำนวนมากอาจตกไปอยู่ในโฟลเดอร์สแปมหรือถูกละเลย
2. การตอบสนองช้ากว่า เนื่องจากอีเมลไม่ได้ถูกเปิดอ่านทันทีเสมอไป การตอบสนองจากลูกค้าอาจใช้เวลานานกว่าการส่ง SMS ทำให้ไม่เหมาะกับการแจ้งเตือนหรือโปรโมชั่นที่ต้องการผลตอบสนองอย่างเร่งด่วน
3. ความซับซ้อนในการออกแบบ การสร้างอีเมลที่ดูเป็นมืออาชีพและดึงดูดใจมักจะต้องใช้เวลาและความซับซ้อนในการออกแบบมากกว่าการส่งข้อความ SMS ธุรกิจอาจต้องใช้ซอฟต์แวร์การออกแบบและผู้เชี่ยวชาญในการสร้างอีเมล์

สรุปเปรียบเทียบ SMS กับ Email Marketing